สวดมนต์...ทำไม



การสวดมนต์น่าจะเกิดขึ้นจากประเพณีการเล่าเรียนธรรมะที่สืบเนื่องมาแต่สมัยพุทธกาลในสมัยที่พระพุทธองค์ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่นั้น พระสงฆ์จะฟังธรรมจากพระองค์แล้วจำไว้ จากนั้นจะแบ่งกลุ่มกันจำพระพุทธวจนะเป็นกลุ่ม เช่น สายพระอานน?์จำพระสูตร สายพระสารีบุตรจำพระอถิธรรม สายอุบาลีจำพระวินัย พระสงฆ์ที่เป็นหัวหน้าสายก็จะมีศิษยานุศิษย์ของตนมากมายช่วยกันจำพระพุทธวจนะ ลักษณะการร่ำเรียนพระพุทธวจนะนั้นดำเนินในแบบปากต่อปาก (มุขปาฐะ) คือครูเป็นผู้บอกพระพุทธวจนะ ศิษย์ก็จำต่อจากครู เมื่อจำได้แล้วครูก็มอบพระพุทธพจน์บทใหม่ให้ท่องต่อไป

การสวดมนต์ถือเป็นกุศลกรรมอย่างหนึ่ง เพราะเป็นการสวดหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นธรรมะทั้งสิ้น นอกจากนี้ในขณะที่สวดนั้นเป็นการทำความดีทั้งทางกาย (กิริยาที่กำลังสวดมนต์) ทางวาจา (การสวด) และทางใจ (ต้องมีสมาธิต่อบทสวดมนต์) ยิ่งถ้าเป็นการสวดมนต์แปลที่ทำให้ได้ปัญญาด้วยก็ยิ่งเป็นมหากุศล เพราะจะส่งผลให้รู้จักนำธรรมะมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

ดดยบทสวดมนต์ในพุทธศาสนามีทั้งที่เป็นบทสวดแบบร้อยแก้ว คือความเรียงธรรมดา และแบบร้อยกรอง กล่าวเฉพาะบทสวดมนต์ที่ชาวพุทธไทยนิยมสวดกันในปัจจุบัน โดยมากมักเป็นบทสวดประเภากวีนิพนต์ เช่น คาถาชินบัญชร คาถาพาหุง คาถาโพขฌงค์ซึ่งล้วนมีความไพเราะ

"มนต์" เป็นพุทธพจน์ที่ปรากฏในพระไครปิฎก ถ้าสวดมนต์แบบไม่มีปัญญาจะเรียกว่า "มนต์คาถา" ถ้าสวดอย่างมีปัญญาเข้าใจในพุทธธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เราเรียกว่า "พุทธมนต์" ทุกวันนี้เราต้องตรองดูว่ากำลังสวดพุทธมนต์ หรือมนต์คาถา ถ้าการสวดมนต์ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ทำให้เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต เปลี่ยนความคิดให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้นก็เรียกได้ว่าสวดมนต์อย่างถูกต้องถูกทาง

ท่าน ว.วชิรเมธี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น