ภาพปฏิจจสมุปบาท หรือ ภวจักร หรือ กาฬจักร (สังสารจักร)
(Wheel of Becoming) : ปริศนาธรรม
ปฏิจจสมุปบาท นี้มีชื่อเรียกอย่างอื่นอีก ที่สำคัญคือ อิทัปปัจจยตา(ภาวะที่มีอันนี้ๆเป็นปัจจัย) และปัจจยาการ (อาการที่สิ่งทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่กัน) "เมื่อมีสิ่งนี้ๆ เป็นปัจจัย สิ่งนี้ๆ จึงเกิดขึ้น" อีกข้อหนึ่ง ซึ่งจะต้องนึกไว้เสมอว่า อิทัปปัจจยตา นั่นก็คือปฏิจจสมุปบาท; หรือปฏิจจสมุปบาท ก็คืออิทัปปัจจยตา แต่เมื่อกล่าวโดยตัวหนังสือแล้ว คำว่า อิทัปปัจจยตา กินความกว้างกว่า หรือหมายความกว้างกว่าปฏิจจสมุปบาท. ปฏิจจสมุปบาท ตามสูตรที่ได้ตรัสไว้โดยตรงนั้น เป็นเรื่องอาศัยกันเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ และความดับไปแห่งกองทุกข์ ที่มีอยู่ในจิตใจของคนเราโดยเฉพาะเท่านั้น
ปฏิจจสมุปบาท คือกระบวนการเกิดและดับของทุกข์ที่มีปัจจัยเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน เป็นภาพที่ใครเห็นก็งง และอดสงสัยไม่ได้ว่าภาพต้องการจะบอกอะไร เพราะเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ ภาพบางภาพก็ดูน่ากลัว แต่กระนั้นก็มีความหมายแฝงไว้ทุกรายระเอียดแม้กระทั่งการให้สีในแต่ละส่วนก็มีความหมาย
ปฏิจจสมุปบาท ถือเป็นธรรมะที่เป็นหัวใจของพุทธศาสนา ดังพระพุทธพจน์ที่ว่า
ดูกรอานนท์ ปฏิจจสมุปบาทนี้ลึกซึ้ง แหละแลดูลึกซึ้งนักเพราะไม่เข้าใจ เพราะแทงไม่ทะลุกฏแห่งความจริงนี้ ที่โลกยุ่งเหยิง ดุจปมด้าย ดุจรังนก ดุจกอไผ่ กออ้อ เป็นเหตุให้มนุษย์ไม่สามารถหลุดพ้นไปจากชาติภูมิเบื้องต่ำ จากสภาพความเดือดร้อนหายนะ และทนทุกข์อยู่กับการเวียนว่ายตายเกิด เพราะไม่เข้าใจกฏแห่งการเกิดซึ่งอาศัยกันและกัน (ปฏิจจสมุปบาท) นี้แลปฏิจจสมุปบาท จึงเป็นธรรมที่พระพุทธองค์ทรงประทานไว้ให้สำหรับสัตว์ทั้งหลายจะได้รับเอาไปปฏิบัติเพื่อกำจัดความทุกข์ เมื่อไรที่เราสามารถเห็นปฏิจจสมุปบาท ภายในกายและใจของเราได้เอง เมื่อนั้นแหละที่เราแลเห็นธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอน
ปฏิจจ หมายถึง อาศัย
สมุปบาท แปลว่า เกิดขึ้นครบถ้วย
รวมกันแล้วก็แปลว่า อาการที่มันอาศัยกันแล้วเกิดขึ้น อาศัยกันแล้วเกิดขึ้นนี้เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาทเพื่อการปฏิเสธการมีตัวตน เพราะมันเป็นเพียงการอาศัยกันให้เกิดขึ้น
ปฏิจจสมุปบาทเกิดขึ้นเป็นวงๆๆๆ รอบๆๆๆหนี่ง กรณีหนึ่งๆๆๆ แก่เราทุกคนเป็นประจำวัน วันหนึ่งมากหรือน้อยแล้วแต่ว่าคนนั้นจะเป็นอย่างไร แต่จะเหมือนกันหมดตรงที่ว่า ถ้าควบคุมมันไม่ได้ มันก็จะนำไปสู่ทางของ ตัณหา เวทนา ภพ ชาติ แล้วก็ต้องเป็นทุกข์ แต่ถ้าเราควบคุมได้แล้วก็จะไม่เป็นทุกข์
สาเหตุของการเกิดปฏิจจสมุปบาทเพราะว่า
อวิชชา เป็นปัจจัยจึงมี สังขาร
สังขาร เป็นปัจจัยจึงมี วิญญาณ
วิญญาณ เป็นปัจจัยจึงมี นามรูป
นามรูป เป็นปัจจัยจึงมี สฬายตนะ
สฬายตนะ เป็นปัจจัยจึงมี ผัสสะ
ผัสสะ เป็นปัจจัยจึงมี เวทนา
เวทนา เป็นปัจจัยจึงมี ตัณหา
ตัณหา เป็นปัจจัยจึงมี อุปาทาน
อุปาทาน เป็นปัจจัยจึงมี ภพ
ภพ เป็นปัจจัยจึงมี ชาติ
ชาติ เป็นปัจจัยจึงมี ชรา มรณะ โสกปริเทวทุกขโทมนัส อุปายาส
ความเกิดของกองทุกข์ทั้งหมดนี้เรียกว่า " ปฏิจจสมุปบาท "
ปฏิจจสมุปบาทจะดับได้เพราะ
อวิชชา ดับ สังขาร จึงดับ
สังขาร ดับ วิญญาณ จึงดับ
วิญญาณ ดับ นามรูป จึงดับ
นามรูป ดับ สฬายตนะ จึงดับ
สฬายตนะ ดับ ผัสสะ จึงดับ
ผัสสะ ดับ เวทนา จึงดับ
เวทนา ดับ ตัณหา จึงดับ
ตัณหา ดับ อุปาทาน จึงดับ
อุปาทาน ดับ ภพ จึงดับ
ภพ ดับ ชาติ จึงดับ
ชาติ ดับ ชรา มรณะ โสกะปริเทวทุกขโทมนัสอุปายาส จึงดับ ความดับของกองทุกข์ทั้งมวลนี้ คือ การเดินออกจากบ่วงของปฏิจจสมุปบาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น