อย่ารอคอยในการฝึกปฎิบัติ


อย่ารอคอยจนกว่าสถานการณ์แวดล้อมจะน่ายินดี และความต้องการของเราจะสมปรารถนาทุกอย่าง แล้วจึงค่อยปฎิบัติธรรม

แต่จงสามารถที่จะฝึกฝนจิตภายในต่อไปในทุกๆ สถานการณ์ไม่ว่าจะน่ายินดีหรือไม่ เราควรจะต้องระลึกไว้ว่าในการดำรงอยู่อันแปรเปลี่ยนอยู่เสมอนี้

ทุกสิ่งล้วนผันผ่านไปอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ หากเรายังมัวรีรอ เราอาจจะพบว่าก่อนที่แผนแห่งการฝึกปฎิบัติของเราในสถานการณ์ที่ถูกใจนั้นจะมาถึง

ชีวิตหน้าของเราก็อาจมาเยือนแล้ว

เกเช รับเตน รินโปเช ( พ.ศ.2464 - 2529)
แห่งพุทธศสนาวัชรยาน
source: https://www.facebook.com/zensmilecomic

ความตาย

 

ความตายอาจเป็นสิ่งที่หลายคนหวาดกลัว การระลึกถึงความตาย ก็อาจเป็นเรื่องน่ากลัว
แต่การเข้าใจว่า เราทุกคนต้องตาย และรู้ตัวเสมอว่า ความตายไม่ได้จะมา
ในอีกหลายปีข้างหน้าเสมอไป


ความตาย ก็คือความไม่เที่ยง เป็นสภาวะปกติอย่างหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นได้
ในเวลาใด เวลาหนึ่ง ทุกเวลา
การระลึกว่า เราไม่ได้มีเวลามากมาย และความตาย เกิดขึ้นได้เสมอ
ระลึกอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เพื่อกลัว แต่เพื่อเข้าใจว่า นี่คือปกติ และระลึกเพื่อไม่ประมาท
เมื่อระลึกได้ว่า วันนี้ หรือพรุ่งนี้ อาจเป็นวันสุดท้ายของชีวิต
 

เราจะกังวลสนใจ เราจะยังเอาชนะคะคาน ถกเถียง ต่อสู้ ไม่ยอมรับ กับความคิดของคนอื่นอยู่หรือไม่
หรือจะเริ่มพิจารณาว่าแท้จริงแล้ว หัวใจเราให้ความสำคัญกับสิ่งใด
และสิ่งใดจึงเป็นสิ่งที่เราคิดว่า ควรทำมากที่สุด ก่อนที่จะตาย
รู้จักตายก่อนตาย จึงไม่ตายเปล่า !!
.
𝐶𝑟𝑒𝑑𝑖𝑡 : 𝐵𝑜𝑑𝘩𝑖𝑠𝑎𝑡 𝐻𝑒𝑎𝑟𝑡
https://www.facebook.com/bodhisatheart

โอม มณี เปเม ฮุง (Om Mani Padme Hum)

 



 
The mantra of Avalokiteshvara, OM MANI PADME HUM, in Tibetan script on the petals of a lotus with the seed syllable HRI in the center. (Om Mani Padme Hum Hri).

བོད་ཡིག: ཨོཾ་དཀར་པོ་ལྷ་ཡི་ཡུལ་དུ་འཕྲོས། །རྒྱུད་ང་རྒྱལ་འཕོ་ལྟུང་སྡུག་བསྔལ་སྦྱོང་།།
མ་ལྗང་གུ་ལྷ་མིན་ཡུལ་དུ་འཕྲོས། །རྒྱུད་ཕྲག་དོག་འཐབ་རྩོད་སྡུག་བསྔལ་སྦྱོང་།།
ཎི་སེར་པོ་མི་ཡུལ་དུ་འཕྲོས། །རྒྱུད་སྐྱེ་རྒ་ན་འཆིའི་སྡུག་བསྔལ་སྦྱོང་།།
པད་མཐིང་ནག་དུད་འགྲོའི་ཡུལ་དུ་འཕྲོས། །རྒྱུད་གླེན་ཞིང་གཏི་མུག་སྡུག་བསྔལ་སྦྱོང་།།
མེ་དམར་པོ་ཡི་དྭགས་ཡུལ་དུ་འཕྲོས། །རྒྱུད་བཀྲེ་སྐོམ་སེར་སྣའི་སྡུག་བསྔལ་སྦྱོང་།།
ཧཱུྃ་ནག་པོ་དམྱལ་བའི་ཡུལ་དུ་འཕྲོས། །རྒྱུད་ཚ་གྲང་བཙོ་བསྲེགས་སྡུག་བསྔལ་སྦྱོང་།

มนตราบทหนึ่งของชาวธิเบตที่นับถือพุทธศาสนา ซึ่งแปลความได้ว่า ‘โอม อัญมณีในดอกบัว’ 
บทสวดนี้เป็นบทสวดที่ใช้ในการสวดอ้อนวอนต่อเชนเรสี (Chenrezi, พระโพธิสัตว์ อวโลกิเตศวร) 
หรือเทพเจ้าที่ปกปักษ์รักษาชาวธิเบต และมักจะพบบทสวดนี้ได้ตามหินผา

 การอ่านมนตรานี้ซ้ำๆ จะเป็นการเพิ่มพูนกุศลบุญ และลดบาปอันเกิดจากการกระทำ ส่วนการเจริญสมาธิ เชื่อว่าเป็นการชำระล้างใจและกายให้สะอาดบริสุทธิ์ ช่วยให้พวกเขาไม่ต้องตกนรกหมกไหม้ และได้บรรลุธรรมเช่นเดียวกับพระพุทธองค์ เชื่อกันว่าการหมุนกงล้ออธิษฐานนั้นให้ผลเช่นเดียวกับการสวดมนตรานี้พร้อมไปกับการใช้นิ้วมือหมุนสร้อยลูกประคำไปทีละเม็ด

มีการสันนิษฐานว่าบทสวดนี้น่าจะแปลความหมายได้ว่า มนุษย์นั้นสามารถเปลี่ยนแปลงกายเนื้อ คำพูด และจิตใจที่แปดเปื้อนมีมลทินไปเป็นกายเนื้อ คำพูด และจิตใจอันบริสุทธิ์ได้ เหมือนดังพระพุทธองค์ที่ครั้งหนึ่งเคยต้องมัวหมองทั้งกาย ใจ และคำพูดมาก่อน แต่สุดท้ายพระองค์ก็ทรงสามารถตัดกิเลสและตรัสรู้ได้เอง การเดินตามรอยพระพุทธองค์ด้วยวิธีการเดียวกันนั้น จะทำให้วิธีคิดและปัญญาไม่แยกออกจากกัน

คำว่า โอม (om) นั้นเป็นตัวแทนของมนุษย์ที่มีร่างกาย คำพูด และจิตใจที่มัวหมอง
          มณี (Mani) หมายถึง อัญมณี เป็นตัวแทนขององค์ประกอบของความเมตตา กรุณา และความรักความห่วงใย 
          ปัทเม (padme) แปลว่า ดอกบัว และเป็นเครื่องหมายของปัญญา การที่ดอกบัวมีกำเนิดมาจากโคลนตม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ดอกบัวต้องมัวหมองด้วยโคลนตม ด้วยเหตุนี้ดอกบัวจึงถูกนำพาไปเปรียบเทียบกับปัญญาที่นำมนุษย์ให้พ้นจากความมัวหมองทั้งปวง
          ฮัม (hum) แปลว่า สิ่งที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ และสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการรวมเอาวิธีการและปัญญาไว้ด้วยกัน

The six syllables: Om Mani Padme Hum

Thus the six syllables, om mani padme hum, mean that in dependence on the practice of a path which is an indivisible union of method and wisdom, you can transform your impure body, speech, and mind into the pure exalted body, speech, and mind of a Buddha.

It is said that you should not seek for Buddhahood outside of yourself; the substances for the achievement of Buddhahood are within.

As Maitreya says in his Sublime Continuum of the Great Vehicle (Uttaratantra), all beings naturally have the Buddha nature in their own continuum. We have within us the seed of purity, the essence of a One Gone Thus (Tathagatagarbha), that is to be transformed and fully developed into Buddhahood.

source: https://en.wikipedia.org/wiki/Om_mani_padme_hum
https://www.finearts.go.th/mahavirawongmuseum/view/12448-คาถาโอม-มณี-ปัทเม-ฮัม--Om-Mani-Padme-Hum-
https://www.shambhala.com/snowlion_articles/om-mani-padme-hum-dalai-lama/

ความจริงของธรรมชาติ

พระพุทธศาสนามองความจริงของสิ่งทั้งหลายว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติที่มีอยู่ และเป็นไปตามธรรมดาของมัน แล้วพระพุทธเจ้ามาค้นพบ แล้วก็ทรงทำให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยมีวิธีจัดรูปร่างและระบบแบบแผนให้เรียนรู้ได้สะดวก และวางเป็นกฏเกณฑ์ต่างๆ


ถ้าใครเอาทุกข์มาเข้าตัว ใครทำตัวให้เป็นทุกข์ แสดงว่าปฏิบัติผิดหลัก ไม่มีที่ไหนพระพุทธเจ้าสอนให้คนเป็นทุกข์ สอนแต่ให้รู้เท่าทันทุกข์ เพื่อที่จะแก้ไขได้ มรรคต่างหากที่เรามีหน้าที่ปฏิบัติลงมือทำให้มีให้เป็น....


อริยสัจเป็นหลักที่เชื่อม ระหว่างความจริงของธรรมชาติกับปฏิบัติการของมนุษย์


ทุกข์สำหรับเห็นแต่สุขสำหรับเป็น
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตโต)

ต้นไม้แก่ ขอฝน


ต้นไม้แก่ ขอฝน เมฆก้อนน้อยตอบเพียงว่า น้ำฝนมีอยู่น้อย กลัวว่ามันคงจะไม่พอ ให้ต้นไม้แก่ได้ชื่นใจ

วันต่อมา เมฆก้อนน้อยก็ยังคง บอกเช่นเดิม มันน้อยไป จึงไม่พร้อมที่จะให้...!!!

เมฆก้อนน้อยจึงเดินทาง และพยายามสะสมฝน เพื่อที่จะให้มันมากพอ...!!! พอที่จะทำให้ต้นไม้แก่ได้ชื่นใจ

เมื่อมีปริมาณมากพอ เมฆน้อยจึงกลับมา แต่สิ่งที่พบข้างหน้า มีเพียงซากต้นไม้แก่ ที่ตายแล้ว...!!!

เมฆน้อยได้แต่ร้องไห้ แล้วถามว่า...ทำไม ? ความพยายามของฉัน ไม่มีค่าเลยเหรอ...!?!

ชายหนุ่มที่นั่งใต้ต้นไม้ จึงได้แหงนหน้า แล้วบอกเมฆน้อยไปว่า

การที่เราจะให้อะไร? แก่ใครสักคนที่เรารัก มันไม่ต้องรอให้มากพอ หรือรอความพร้อมอะไรหรอก
ให้เท่าที่มี ก็ทำให้คนรับชื่นหัวใจได้ ความพยายามเป็นสิ่งที่ดี แต่มันก็มีเวลาเป็นเงื่อนไข !!!

อย่าไปรอให้รวย !!! ถึงจะทำอะไรให้คนที่เรารัก อย่าไปรอให้พร้อม !!! ถึงจะทำอะไรให้คนที่เรารัก
เพราะคนที่เรารัก อาจไม่มีเวลามากพอที่รอเรา !!!

แล้วก่อนที่ต้นไม้แก่จะจากไป เขาฝากบอกเธอไว้ว่า ถ้าเห็นเธอผ่านมา ให้บอกเธอว่า เขารักเธอ

เมฆน้อยได้แต่หลั่งน้ำตา ออกมาเป็นเม็ดฝนอย่างไม่ขาดสาย ให้กับต้นไม้ที่ไม่มีวันแตกใบให้ได้เห็นอีกต่อไป ตลอดกาล !!!


บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง เขาเขียนขึ้นใน วันที่ 11 กันยายน 2001
(ตึกเวิรด์เทรดถล่ม)หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขา เสียชีวิตในตึกนั้นด้วย !!!