อาฏานาฏิยปริตร



อาฏานาฏิยะปะริตตัง
 คาถาของท้าวเวสสุวรรณ ใช้สวดเพื่อคุ้มครองตนจากภูตผีปีศาจ และอำนาจชั่วร้าย

วิปัสสิสสะ  นะมัตถุ           
    ความนอบน้อมของข้าพเจ้า  จงมีแด่พระวิปัสสีพุทธเจ้า
จักขุมันตัสสะ  สิรีมะโต       
    ผู้มีจักษุ  ผู้มีสิริ
สิขิสสะปิ  นะมัตถุ           
    ความนอบน้อมของข้าพเจ้า  จงมีแด่พระสิขีพุทธเจ้า
สัพพะภูตานุกัมปิโน                   
    ผู้มีปกติอนุเคราะห์แก่สัตว์ทั้งปวง
เวสสะภุสสะ  นะมัตถุ           
    ความนอบน้อมของข้าพเจ้า  จงมีแด่พระเวสสะภูพุทธเจ้า
นะหาตะกัสสะ  ตะปัสสิโน           
    ผู้มีกิเลสอันล้างแล้ว  ผู้มีตบะ
นะมัตถุ  กะกุสันธัสสะ       
    ความนอบน้อมของข้าพเจ้า   จงมีแด่พระกกุสันธพุทธเจ้า
มาระเสนัปปะมัททิโน           
    ผู้ย่ำยีเสียซึ่งมารและเสนามาร
โกนาคะมะนัสสะ นะมัตถุ       
    ความนอบน้อมของข้าพเจ้า   จงมีแด่พระโกนาคมนะพุทธเจ้า
พราหมะณัสสะ  วุสีมะโต       
    ผู้มีบาปอันลอยเสียแล้ว  ผู้มีพรหมจรรย์    อันอยู่จบแล้ว
กัสสะปัสสะ  นะมัตถุ           
    ความนอบน้อมของข้าพเจ้า   จงมีแด่พระกัสสปพุทธเจ้า
วิปปะมุตตัสสะ  สัพพะธิ       
    ผู้พ้นแล้วจากกิเลสทั้งปวง
อังคีระสัสสะ  นะมัตถุ           
    ความนอบน้อมของข้าพเจ้า   จงมีแด่พระอังคีรสพุทธเจ้า
สักยะปุตตัสสะ  สิรีมะโต       
    ผู้เป็นโอรสแห่งศากยราช   ผู้มีสิริ
โย  อิมัง  ธัมมะมะเทเสสิ       
    พระพุทธเจ้าพระองค์ใด    ได้ทรงแสดงแล้วซึ่งธรรมนี้
สัพพะทุกขาปะนูทะนัง       
    เป็นเครื่องบรรเทาเสีย ซึ่งทุกข์ทั้งปวง
เย  จาปิ  นิพพุตา  โลเก       
    อนึ่ง  พระพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่าใด  ที่ดับกิเลสแล้วในโลก
ยะถาภูตัง   วิปัสสิสุง           
    เห็นแจ้งธรรมตามเป็นจริง
เต  ชะนา  อะปิสุณา           
    พระพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น  เป็นผู้ไม่มีความส่อเสียด
มะหันตา   วีตะสาระทา              
    เป็นผู้ใหญ่     ผู้ปราศจากความครั่นคร้ามแล้ว
หิตัง   เทวะมะนุสสานัง    ยัง  นะมัสสันติ  โคตะมัง               
    เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย       ผู้นอบน้อมอยู่ ซึ่งพระพุทธเจ้า
    พระองค์ใด    ผู้เป็นโคตมโคตร   ผู้เป็นประโยชน์เกื้อกูล           
    แก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย
วิชชาจะระณะสัมปันนัง    มะหันตัง  วีตะสาระทัง
    ถึงพร้อมแล้วด้วยวิชชาและจรณะ  เป็นผู้ใหญ่   ผู้มีความครั่น
    คร้ามปราศจากไปแล้ว
วิชชาจะระณะสัมปันนัง    พุทธัง  วันทามะ  โคตะมันติ
    ข้าพเจ้าทั้งหลาย   ขอนมัสการพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น   ผู้โคตม
    โคตร    ผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยวิชชา  และจรณะเป็นอันดีแล้วแล.

ตำนาน

สมัยหนึ่งสมเด็จ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเสด็จประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฎบรรพต ใกล้กรุงราชคฤห์มหานคร ในครั้งนั้น ท้าวจาตุมมหาราชทั้ง ๔ ซึ่งสถิตย์อยู่เหนือยอดเขายุคันธร ที่เรียกว่าชั้นจาตุมหาราชิกา อันเป็นชั้นต่ำกว่า สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ลงมาซึ่งเป็นที่สถิตย์ขององค์อินทราธิราช

พระอินทร์ ทรงมีเทวะพระบัญชาให้มหาราชทั้ง ๔ ทำหน้าที่เฝ้ารักษาประตูสวรรค์ในทิศทั้ง ๔ เพื่อป้องกันมิให้พวกอสูรมารบกวน โดยมี

ท้าวธตรฐ ผู้เป็นเจ้าแห่งพวกคนธรรพ์ รักษาทิศบูรพา
ท้าววิรุฬหก เป็นเจ้าแห่งกุมภัณฑ์ รักษาทิศทักษิณ
ท้าววิรูปักษ์ เป็นเจ้าแห่งนาคทั้งปวง รักษาทิศปัจจิมท้าวเวสวัน เป็นเจ้าแห่งยักษ์ รักษาทิศอุดร

ท้าวมหาราชทั้ง ๔ มีจิตเลื่อมใสศรัทธา ปรารถนาจะเกื้อกูลพระพุทธศาสนา มิให้พวกอสูร หรือพวกศัตรูมาย่ำยีบีฑา แด่พระภิกษุสงฆ์สาวกของพระบรมสุคตเจ้า

จึงคิดจะชวนกันลงมาเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แต่ก็ห่วงภาระหน้าที่ที่จะต้องดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในประตูสวรรค์ทั้ง ๔ ทิศ มหาราชทั้ง ๔ จึงมีบัญชาแต่งตั้งให้ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ นาค และยักษ์ อย่างละแสนรักษาประตูสวรรค์ทั้ง ๔ ทิศ ซึ่งก็ให้พวกคนธรรพ์ รักษาทิศบูรพา กุมภัณฑ์รักษาทิศทักษิณ นาครักษาทิศปัจจิม ยักษ์รักษาทิศอุดร

ครั้นแล้ว ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ได้ประชุมพร้อมกันที่ อาฏานาฏิยนคร ณ สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา พร้อมกับผูกมนต์อาฏานาฏิยปริตร ซึ่งมีเนื้อความสรรเสริญคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง ๗ พระองค์ มี

พระวิปัสสี ผู้มีสิริอันงาม
พระสิขี พุทธเจ้า ผู้มากด้วยการอนุเคราะห์แก่สัตว์ทั้งปวง
พระเวสสภู พุทธเจ้า ผู้ปราศจากกิเลส มีตบะ
พระกกุสันธะ พุทธเจ้า ผู้มีชัยชนะแก่พญามารและเสนามาร
โกนาคมนะ พุทธเจ้า ผู้มีบาปอันลอยเสียแล้วมีพรหมจรรย์อันจบแล้ว
กัสสปะ พุทธเจ้า ผู้พ้นวิเศษแล้ว จากกองกิเลสทั้งปวง
พระอังคีส พุทธเจ้า ผู้เป็นโอรสแห่งหมู่ศากยราช ผู้มีศักดิ์ มีสิริ ดัง นี้เป็นต้น

ครั้นผูกมนต์พระปริตรแล้ว ท้าวมหาราชทั้ง ๔ จึงประกาศแก่บริวารของตนว่า ธรรมอาณาจักรของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นบรมครูของเราทั้ง ๔ ถ้ามีผู้ใดสาธยายมนต์ อาฏานาฏิยปริตร นี้ขึ้น แล้วถ้าใครไม่เชื่อฟัง ไม่สดับ จะต้องถูกลงโทษอย่างสาสม รุนแรง

และแล้วมหาราชทั้ง ๔ ก็พร้อมใจกันลงมาเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ ภูเขาคิชฌกูฏ กราบบังคมทูลว่าหมู่ยักษ์ทั้งหลาย หมู่นาคทั้งหลาย หมู่กุมภัณฑ์ทั้งหลาย และหมู่คนธรรพ์ทั้งหลาย ผู้มีเดช มีศักดา มีอานุภาพ มีจิตกระด้างหยาบช้า ละเมิดเบญจศีลเป็นอาจิณ ที่ยังไม่เลื่อมใสในคุณของพระรัตนตรัยนั้นมีมากพวกที่เลื่อมใสนั้นมีน้อย

เมื่อพระสาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ยินดีในการอยู่ป่า เพื่อบำเพ็ญสมณธรรม ในที่ห่างไกลจากมนุษย์สัญจร อมนุษย์ผู้ไม่เลื่อมใส ย่อมจะย่ำยี หลอนหลอก กระทำให้เจ็บไข้เป็นอันตรายแก่ชีวิตและพรหมจรรย์ แต่ต่อนี้ไปจะไม่บังเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีกแล้ว ถ้าพระบรมสุคตเจ้าทรงพระกรุณาโปรดรับมนต์อาฏานาฏิยปริตรนี้ไว้ แล้วโปรดประทานให้พระภิกษุสาวก สาธยายอยู่เนือง ๆ อมนุษย์ทั้งปวงก็จะมิกล้าย่ำยีหลอนหลอกทำร้าย อีกทั้งยังจะช่วยปกป้องคุ้มครอง กันภัยทั้งปวงให้อีกด้วยพระเจ้าข้า

องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงรับมนต์พระปริตรนั้นโดยดุษฏี

ท้าวเวสวัณ ก็แสดงอาฏานาฏิยปริตรนั้นถวายและแล้ว มหาราชทั้ง ๔ ก็ถวายมนัสการลา

สมเด็จพระบรมศาสดา จึงทรงมีพระบัญชาให้ประชุมภิกษุทั้งหลายในที่นั้น แล้วทรงแสดงมนต์พระปริตรนั้นให้แก่ภิกษุทั้งหลายได้เรียนสาธยาย เสร็จแล้วทรงมีพุทธฎีกาตรัสว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงอุตสาหะ สาธยายมนต์พระปริตรนี้ให้บริบูรณ์ในสันดาน จะพ้นจากอุปัทวันอันตรายทั้งปวงได้ อมนุษย์ทั้งหลายก็จะไม่มาย่ำยี หลอนหลอก เธอทั้งหลายจะได้ดำรงค์อยู่เป็นสุข เพื่อยังพรหมจรรย์ให้เจริญ

ภิกษุเหล่านั้นก็เปล่งสาธุการ น้อมรับด้วยเศียรเกล้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น