ข้อดีของการให้เด็กฝึกสมาธิ

เด็กๆ มักเสียสมาธิเมื่ออยู่หน้าโทรทัศน์ แต่ไม่ได้หมายควา่มว่าพวกเขาจะไม่สามารถฝึกสมาธิได้ การให้เด็กฝึกสมาธิพิสูจน์แ้ล้วว่าทำให้สุขภาพของพวกเขาดีขึ้น

งานวิจัยของวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์แห่งจอร์เจียพบว่าเด็กอายุ 11-14 ปีฝึกสมาธิวันละ 20 นาทีติดต่อกันสามเดือนมีความดันโลหิตต่ำงมาก เวอร์เนอร์ บาร์นส์ผู้ร่วมวิจัยกล่าวว่า ถ้ารักษาความดันโลหิตที่ลดลงไว้ในระยะยาวก็จะลดความเสี่ยงจากอาการเส้นโลหิตแตกหรืออุดตัน หรือโรคหัวใจเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ลงได้ 13% ปัจจัยต่างๆ เช่นโรคอ้วน การกินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ และความเครียด ทไำให้เด็กมีความดันโลหิตสูง การให้เริ่มฝึกสมาธิตั้งแต่เด็ก จะทำให้มีสุขภาพดีในระยะยาว

การให้เด็กนั่งนิ่งๆ นาน 20 นาทีเป็นเรื่องยาก เด็กที่ร่วมงานวิจัยทำสมาธิครั้งละ 10 นาที วันละ 2 ครั้ง คือตอนเช้า และหลังเลิกเรียน โดยให้เด็กนั่งหลังตรง และเพ่งสมาธิอยู่กับการหายใจ ให้รู้สึกว่าหน้าท้องพองขึ้นเมื่อหายใจเข้า และยุบลงเมื่อหายใจออก บอกให้เด็กรับรู้ความนึกคิดต่างๆที่เกิดขึ้นในจิตใจจึงค่อยกลับมาเพ่งสมาธิที่การหายใจต่อ พยายามฝึกให้เขาคุ้นเคยกับการรับรู้ถึงการหายใจของตัวเอง และพยายามช่วยให้เขาคุ้นเคยกับการใช้วิธีดังกล่าวนี้ เมื่อต้องการให้เขามีสมาธิ หรือเมื่อต้องการให้เขาผ่อนคลาย เพื่อให้เขาได้เรียนรู้ที่จะมีสมาธิอยู่กับความนึกคิดของตัวเองได้ดีขึ้นด้วย

เด็กกับการไม่อยู่นิ่งเป็นของคู่กัน ต้องหากิจกรรมต่าง ๆ ให้เขาทำ การฝึกให้เด็กมีสมาธิมีผลดีหลายอย่าง การฝึกสมาธิเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะด้านอื่น ๆ ต่อไป และยังช่วยให้เด็กสามารถรับมือกับความเครียด ความกดดัน หรือความกลัวได้ดีขึ้น

จากสถิติจำนวนนักเรียนระดับชั้นประถมในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการฝึกสมาธิในช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว มีผลการสอบวิชาคณิตศาสตร์ดีขึ้น มีความสุข และมีปฏิกิริยากับความเครียด ความกดดันต่าง ๆ ดีขึ้น สงบขึ้น และสามารถอยู่กับกิจกรรมที่กำลังทำได้นานขึ้นด้วย

ประโยชน์ของการทำสมาธิ “สมาธิ” ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์เฉพาะผู้ที่ฝึกเป็นประจำเท่านั้น ยังส่งผลทางบวกไปยังบุคคลรอบตัว สังคม ชุมชน ประเทศชาติ ตลอดจนเป็นการสืบสาน ต่ออายุพระพุทธศาสนาอีกด้วย สมาธิ จึงเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าการผ่อนคลายในเบื้องต้น แต่ยังส่งผลให้ผู้ปฏิบัติได้เข้าถึงความสุขอันเป็นผลดีต่อตนเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น